How to ไปออสเตรเลีย 1 ปี เรียนหรือทำงานก็ได้

ในปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่อยากที่อยากที่จะเพิ่มพูนประสบการณ์โดนการออกจาก Comfort zone เช่นการเดินทาง โดยประเทศยอดนิยมส่วนใหญ่ที่นักเรียนชอบไปเรียนภาษากัน ก็คงนึกถึงประเทศออสเตรเลียป โดยปัจจัยหลักๆเลยก็คงไม่พ้นเรื่องความแตกต่างของเวลา อย่างถ้าเป็นทางฝั่ง west จะเร็วกว่าไทยแค่เพียง 1 ชั่วโมง และ ทางฝั่ง east จะเร็วกว่าไทยเพียง 3 ชั่วโมง อีกทั้งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม และ เชื้อชาติ   สำหรับคนที่ต้องการที่จะไปเรียนภาษา แต่มีงบจำกัด Work and holiday visa (subclass 462) คือ โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างประเทศไทย – ออสเตรเลีย  ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกนึง ที่นักเรียนไทยส่วนใหญ่เลือกไปกัน เพราะ “วีซ่านี้สามารถเรียนไปด้วยได้ และ ทำงานไปด้วยได้ โดยไม่จำกัดเวลาทำงาน” เหมือนวีซ่านักเรียน อีกทั้งวีซ่านี้ไม่มีข้อจำกัดว่าเราจะต้องอยู่เมืองนี้ไปตลอดระยะเวลาที่ถือวีซ่านี้ นั่นหมายความว่า น้องๆสามารถโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่เมืองอื่นๆ ของออสเตรเลีย เพราะทางรัฐบาลของประเทศ อยากจะเปิดโอกาส ให้นักเรียนต่างชาติ เข้าไปศึกษา เรียนรู้ และทดลองใช้ชีวิตเป็นระยะเวลา 1 ปี (ไม่ใช่ทุนการศึกษา ที่จะมาเรียนต่อต่างประเทศ) เหมาะ กับคนที่เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี และมี gap year ที่อยากจะหาประสบการณ์ในต่างแดน

ส่วนเรื่องของการเตรียมตัวการสมัครนั้น หลักๆ เลยน้องๆ จะต้องมี

คะแนนสอบ IELTS: Overall 4.5 (Sub skills ไม่ต่ำกว่า 4.5) มีอายุไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลคะแนนออก หรือ แต่อยากจะให้กะเวลาช่วงสอบนึดนึงเพราะว่า ถ้าน้องสอบล่วงหน้า เพราะถ้าสอบในระยะเวลา ใกล้ ในการกดโคว์ต้า แล้วถ้าคะแนนน้องไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด อาจจะทำให้พลาดในการกดโควต้าไปได้เลย ส่วนในกรณีที่น้องถ้าน้องเรียนมหาวิทยาลัยที่เป็นหลักสูตรอินเตอร์มาก็สามารถที่จะเอาใบจบมา waive แทน IELTS ได้

  1. คะแนนสอบ IELTS: Overall 4.5 (Sub skills ไม่ต่ำกว่า 4.5) มีอายุไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลคะแนนออก หรือ แต่อยากจะให้กะเวลาช่วงสอบนึดนึงเพราะว่า ถ้าน้องสอบล่วงหน้า เพราะถ้าสอบในระยะเวลา ใกล้ ในการกดโคว์ต้า แล้วถ้าคะแนนน้องไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด อาจจะทำให้พลาดในการกดโควต้าไปได้เลย ส่วนในกรณีที่น้องถ้าน้องเรียนมหาวิทยาลัยที่เป็นหลักสูตรอินเตอร์มาก็สามารถที่จะเอาใบจบมา waive แทน IELTS ได้

  2. การเตรียมเงิน statement ในบัญชีต้องไม่ต่ำกว่า 5,000 AUD (120,000 – 150,000 บาทโดยประมาณ) ขึ้นอยู่เรทค่าเงินในแต่ละวันด้วย สาเหตุที่ต้องให้เตรียม statement อยู่ที่ 5,000 AUD ก็เพราะว่าทางรัฐบาลออสเตรเลียได้คิดเผื่อไว้แล้วว่าเงินจำนวนนี้เป็น pocket money (มีเผื่อไว้ก่อนอย่างน้อยพอไปถึงที่นู้นก็จะไม่ไปเร่ร่อนที่บ้านเมืองของเค้าแน่ๆ) ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว จากประสบการ์ที่พี่มีเพื่อนมาแบบ work and holiday มาถึงแล้วก็ไม่ได้ใช้จำนวนมากขนาดนั้น เพราะคนส่วนใหญ่มาถึงแล้ว สิ่งแรกที่จะทำ คือ หางานทำ แต่การที่จะใช้เงินมาก – น้อย ก็ขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของแต่ละบุคคลด้วย ต้องบอกไว้ก่อนว่าการทำงานที่ออสเตรเลีย รายได้ที่เราได้มาในแต่ละอาทิตย์ (ส่วนใหญ่นายจ้างจะจ่ายเราเป็นอาทิตย์) มันจะ balance กับสิ่งที่เราซื้อของดำรงชีพในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น สมมุติเราทำงานเสริฟ ร้านอาหารไทย (เรทขั้นต่ำวันละ 65 AUD) เราก็สามารถที่จะซื้อนม + ขนมปัง + หรือไก่ + ไข่ ได้ไม่เกิน 10 AUD และสามารถ แบ่งกินได้อีก 3 วัน (ถ้าเป็นคนกินไม่เยอะ)

  3. ขั้นตอนนี้จะพูดถึงเรื่อง การกดโควต้า ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆเลยก็ คือ การเสี่ยงดวง เหมือนกับ การแย่งชิงที่นั่งในการซื้อบัตรคอนเสิร์ตนั่นเอง การกดนั้นไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ถ้าน้องกดไม่ทันน้องก็ต้องไปกดอีกทีปีหน้าเลย เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อมจริงๆ โดยการเปิดรับนั้น จะเปิดรับ 500 คนที่เป็นตัวจริง และที่เหลือเป็นตัวสำรอง (ในกรณีที่สมมุติว่าตัวจริงคุณสมบัติไม่ครบตัวสำรองที่มีความพร้อมมากกว่าก็จะได้สวมแทนโดยปริยาย) แต่ถ้าคุณสมบัติครบ ประมาณ  1-2 อาทิตย์ กรมกิจการเด็กและเยาวชน ก็จะให้เราไปรับจดหมาย ในการยืนยันคุณสมบัติ

    **การกดโควต้าสามารถทำได้ที่ไหน? เราต้องคอยไปเช็คที่เว็บไซต์กรมกิจกรรมเด็กและเยาวชน เขาจะระบุไว้เลยว่า กดโควต้าเมื่อไหร่ ตอนไหน ยังไง**

  4. ต่อมาคือการยื่น VISA ซึ่งเราจะต้องไปยื่นผ่านทาง VFS เท่านั้น ซึ่งช่วงวันที่เรายื่น VISA เราสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อเราได้รับจดหมายยืนยันคุณสมบัติ จาก กรมกิจการเด็กและเยาวชน (พูดง่ายๆเลยก็คือ ถ้าเราได้รับจดหมายตอนเช้า เราก็สามารถไปยื่น VISA ได้เลย ถ้าเอกสารเราพร้อม) หลังจากที่เรายื่น VISA เรียบร้อยแล้ว ทางสถานฑูตก็จะให้เราไปตรวจสุขภาพ แต่การตรวจสุขภาพนั้นไม่ได้เป็นตัวยืนยันว่าจะได้ VISA 100 เปอร์เซนต์ เพราะเคยมีบางเคสที่ว่า เคยไปอยู่ที่ออสเตรเลียมาตั้งหลายปีแล้ว แล้วทำไมถึงอยากจะกลับไปที่ออสเตรเลียอีก เลยทำให้โดน reject VISA ไป อีกทั้งตอนที่เขียน SOP ต้องมีการบอกที่ชัดเจนว่า ไปแล้วจะไม่มีแนวโน้วที่จะไปอยู่ต่อแบบถาวร ส่วนถ้าจะดำเนินการเตรียมเองต้องทำยังไง จากประสบการณ์ที่คนรอบข้างถือ VISA นี้ก็ดำเนินเอกสารเอง เพราะกฎของรัฐบาลออสเตรเลียไม่ให้ Agent ยื่นแทน แต่ถ้าจะยื่นจริงๆก็อาจจะไม่ใช่นามของ Agent

  5. ส่วนเงี่อนไขของ Work and Holiday VISA รัฐบาลออสเตรเลียอนุญาตให้เรียนภาษาไม่เกิน 17 weeks ในตลอด 1 ปีที่อยู่ออสเตรเลีย โดยเราสามารถไปติดต่อกับทางโรงเรียนโดยตรงได้เลย ในวันที่เราเหยียบแผ่นดินออสเตรเลีย

**ทีนี้จะมาสรุป ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินการยื่น VISA นี้เราจะต้องเสียอะไรบ้าง

ค่าสอบ IELTS 7,000 + ค่ายื่น VISA (included biometric) 13,900 + check up 3,000

รวมทั้งหมด 23,900 THB**